26/10/52
Hokkaido Trip
3/8/51
Boat trip, Yukata
............ทริปนี้ก้อสนุกมากเลยล่ะ มีเพื่อน ๆ ที่รู้จักไปเยอะเลย.........
หลาย ๆคนใส่ยูคาตะไปรวมทั้งเราด้วยเพราะว่าจะได้ลดราคา ตั้งพันเยนแน่ะ
เสียดายที่เวลาบนเรือไม่นานเท่าไหร่ ใช่ๆ บนเรือมีคอนเสิร์ตด้วยล่ะ แต่ก็ไม่ได้ไปฟังกะเค้าหรอก
เห็นแค่คนเต้นกันเยอะ ๆ ก้อสนุกแล้ว เอาเป็นว่าดีใจที่ได้ไปละกานน
ไม่ได้เขียนตั้งนานยังจะขี้เกียจอีก อิ อิ แต่นะพูดไปก็ใจหาย จะปีแล้วสินะที่อยู่ญี่ปุ่น
แล้วก็จะจบแล้วสินะ วายเสป..ไม่อยากจะเชื่อ..เวลามันติดปีกจิง ๆ (ToT)
Asahi, Last factory study tour
ก่อนกลับก็ได้ของฝากติดตัวไปคนละกระป๋อง อะไรนะเหรอ ก้อเบียร์นะซี่ ๆๆ อิอิอิ ดีใจกันถ้วนหน้า
เบรดหนึ่งในชาววายเสปของเราไม่รู้ว่าเมาจิงป่าว แต่ว่านะ...อืม คิดว่าเมาอ่ะแหล่ะ
แล้วก็ก่อนกลับจิง ๆ พวกเราก็ไปเดินซื้อของที่ร้านขายของที่ระลึกกัน เราก็ได้เสื้อมาตัวนึงล่ะ..สวยดี สีขาว ชมพู YOU AND YOUR BEER \(^_^)/
2/6/51
Enoshima
Enoshima เป็นเกาะขนาดเล็กมากๆ โดยรอบ ๆ เกาะนั้นเป็นชายหาดของที่อยู่ทางทิศตะวันตกของคามากุระ หาดเป็นหาดทรายฝั่งหนึ่ง แต่อีกฝั่งหนึ่งเป็นเหมือนหาดหิน ถ้าอากาศดีเราสามารถจะมองเห็นภูเขาฟูจิได้อีกด้วย
แต่วันที่ไปอากาศก้อค่อนข้างดีนะ แต่ว่ามองไม่เห็นอ่าา.. ก็เริ่มจากตอนไปถึงเราก็นั่งกินข้าวกล่องกันก่อน ไปด้วยกันสามคนมีเรา วิกเตอร์และก็อาร์กุสล่ะ พอเติมพลังข้าวกล่องเสดก้อกินไอติมกันสักหน่อย อากาศมันร้อน ๆ อ่ะนะ กินเสดก็เดินชมเกาะกัน เกาะนี้มีตำนานเทพเจ้ามังกรที่คอยรักษาเกาะ แล้วก็มีตำนานความรักของมังกรด้วยล่ะ แต่เราก็ไม่ค่อยเข้าใจในรายละเอียด เหอ ๆ เอาเป็นว่าบนเกาะก็น่าสนใจน่าดู มีร้านขายของที่ระลึก มีจุดชมวิวทะเล แล้วก้อมี ถ้าให้เข้าชมด้วย สรุปว่าก็เพลิดเพลินดี กับการไปเที่ยวครั้งนี้ แต่ก่อนจากลับเนี่ยดิ อยู่ดี ๆ อากาดก็หนาวขึ้นมา งานนี้เลยต้องรีบกลับบ้านเลยค่าา
Tsukiji Fish market, Asakusa
ในตลาดก็มีการขายพวกกุ้ง หมึก หอย และของทะเลต่างๆ ดูแล้วก้อน่ากินทั้งนั้น ราคาก็ไม่แพงมากถ้าเทียบกันกับราคาในห้าง แต่ก้อไม่ได้ซื้ออ่ะนะ เดินออกมาจากตลาดก้อมีความคิดขึ้นมาว่า เอาวะ ไหน ๆ ก็มาตลาดปลา ไม่กินซูชิแล้วจะกินอารายจิงมะ ก็เลยเข้าไปกินซูชิเป็นอาหารเช้า ปลาดิบงี้สดสุด ๆ
แบบว่าอร่อยมากเลย แต่ราคาก็ใช่ย่อย ปาเข้าไป 2000yen แน่ะ เป็นอาหารเช้าที่แพงที่สุดในชีวิตเลย
หลังจากนั้นก็เดินทางต่อไปที่อะซากุสะ เป็นย่านที่มีวัดชื่อดังนั่นก็คือ เซนโซจิ ไปเป็นครั้งที่สองเพื่อไปขอพร เพราะว่ากำลังจะกลับไปขอทุนเรียนต่อโทที่ญี่ปุ่นต่อ จากนั้นเราก็เดินเที่ยวชมร้านค้าต่าง ๆ นะ ซื้อของที่ระลึกกลับบ้านมากมายเลยล่ะ แล้วก้อซื้อยูคาตะมาหนึ่งชุดล่ะ กะว่าเอาไว้ใส่ตอนงานดอกไม้ไฟ
เสร็จเรียบร้อยก็ไปนั่งเรือเล่นไปเรื่อย ๆ สวยดี ไปจนเลยโไดบะโน่นแน่ วันนี้เป็นวันที่ยาวนานมากก็ตื่นตั้งแต่ตีสี่ครึ่งอ่ะนะ เที่ยวเสดยังไม่บ่ายสามเลย ฮ่ะ ๆ แต่ก็สนุกมากเลยล่ะ
8/5/51
Hakone ( Yunessan )
พวกเราไปกันทั้งหมด เจ็ดคน ได้แก่ เรา, วิกเตอร์, เรซา, ไซโค, เอมเร, ฮัน, ฮิลดา ออกเดินทางกันวันที่ 7 May 08 นั่งรถบัสประมาณชั่วโมงครึ่งก็มาถึง เราเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมเล่นน้ำ ไปกินอาหาร และลงเล่น
ออนเซนที่นี่ สนุกมากเพราะไม่ใช่แค่น้ำร้อน ๆ แต่มีเป็นไวน์ เป็นสาเก เป็นชาเขียว ทะเลเดดซี ราเมน , พวกเราเลยเล่นกันสนุกไปเลย พอเล่นน้ำจนหนำใจแล้วเราก็ไปเข้า ออนเซนของจริง เพื่ออาบน้ำ เปลี่ยนเสือ้ผ้า และออกไปเที่ยวต่อ ที่ ๆ เราไปก็เป็นสถานที่ ๆ สามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ สวยมากๆๆเลยล่ะ
สรุปวันนี้พวกเราเที่ยวกันนานไปหน่อย เลยตกรถบัส สุดท้ยเลยนั่งรถไฟกลับเอง แป่วววว....
Disneyland , Fujikyu(2)
ดิสนีย์แลนด์สนุกอ่ะ บรรยากาศโรแมนติกมากเหมือนอยู่ในเทพนิยาย หุหุ เว่อไปและ เราไปตอนครบรอบ 25 ปีเลยโชคดี เพราะว่าเค้าจุดดอกไม้ไฟเยอะเปนพิเศษ ที่ชอบมากที่สุดเลยนะก็คือวิวของปราสาทซินเดอเรลลาล่ะ
สวยมากๆๆ เลย เครื่องเล่นต่างๆ ก็ทำดี ชอบหมีพูห์ กับ Haunted Mansion สุดเลย สนุก
29 Apr 08ไปเที่ยวฟูจิคิว ครั้งนี้เปนครั้งที่สอง อิอิ ไม่เข็ดครับ งานนี้ไปก็เล่นโรลเลอโคสเตอร์ สนุกเช่นเคย แต่ที่เด็ดสุด คงจะเป็น โรงพยาบาลผีสิงอ่ะ อันนี้ต้องจ่ายเงินเพิ่ม 500 yen ถึงได้เข้า , ไอเรานะแค่เห็นก็ปอดแล้ว แบบว่าไม่เอาอ่ะ ไม่กล้าเข้า คือเป็นบ้านผีสิงแบบที่ว่าเราต้องเข้าไปเดินในโรงพยาบาลร้าง ซึ่งเป็นตึกประมาณ สามชั้นได้ เข้าไปได้ครั้งละสองคนนะ แต่ให้ไฟฉายไปอันเดียว บรรยากาศข้างในนะก็มืดมากอ่ะ แล้วก็มีเสียงกรีดร้องมากมาย ผีก้อจะโผล่มาเป็นช่วง ๆ คือเราต้องเดินขึ้น ลง บันได ผ่านห้องต่างๆ ไงมันเลยลุ้นมากว่าผีจะออกมาตอนไหน แล้วก้อนะ โรงบาล เตียงคนป่วย โหลดองเด็ก น่ากัวมากอ่ะ เดินไปเดินมารวม ๆ ก็ ยี่สิบนาทีได้อ่ะ สุด ๆ ไปเลย แถมผีนะ ยังวิ่งตามได้อีกอ่ะ ...ตอนออกมาได้นี่แบบว่าดีใจสุด ๆๆ
21/3/51
12 days in South Korea
คล้ายคลึงกับโตเกียวในญี่ปุ่น แต่พอไปเห็นมาจริงๆ คิดว่าไม่คล้ายกันสักเท่าไหร่ ญี่ปุ่นสะอาดมาก และดูสงบปลอดภัย แต่เกาหลีจะว่าไปคล้ายบ้านเรามากกว่า ถนนหนทาง ขยะมากมาย เลนของถนนก็กว้างข้ามถนนก็ยาก แต่ที่ดีกว่าญี่ปุ่นอยู่อย่างคือ ผู้คนไม่สุภาพมากนัก ดูรีแลกส์และเป็นธรรมชาติดี วันแรกไปถึงโซล ณ สนามบินอินชอนก็ค่ำแล้ว เลยตรงดิ่งไปเกสต์เฮาส์ที่จองไว้ วันถัดมา ก็แพลนว่าวันนี้เป็นวันสบาย ๆ เที่ยวไม่เครียด แต่จะเน้นไปที่พระราชวังก่อน ที่ไปมาคือเคียงบกกุง ใหญ่ดี แต่ทุกวังหน้าตาคล้ายกันหมดเลยเลยไม่ได้ไปมากนักก่อนกลับก็ไปเที่ยวถนนอินซาดง เพราะอยู่ไม่ไกล จากที่พัก
วันถัดมาเป็นการไปเที่ยวตลาด ช็อปปิ้งเพราะว่าเสื้อผ้าไม่แพงนักถ้าเทียบกับญี่ปุ่น ก็ไปมาสองแห่งคือดงแดมุน กับ เมียงดง ที่จริงวันนี้จะไปเที่ยวหอคอยโซลด้วย แต่ว่าแผนการต้องล้มเลิกไป เพราะว่าทรายแม่น้ำจากเมืองจืนพัดมาที่เกาหลีหนักเอาการที่โซลทำให้หลายวันนี้อากาศไม่แจ่มใสอย่างที่คิดไว้ ตอนกลางคืนก็ยังได้ไปเดินที่คลองชองเกชอน ซึ่งประดับไฟยามค่ำคืนสวยงาม ต่อมาก็เป็นวันที่เราไปเที่ยวแม่น้ำฮัน เป็นแม่น้าสายใหญ่ที่เกาหลี พอไปถึงก็เช่าจักรยานเที่ยวชมรอบแม่น้ำ อากาศวันนี้ดีไม่หนาว เลยขี่จักรายานสนุกไปเลย ต่อจากนั้นก็เดินไปที่ตึก KLI 63
ก็ได้พักที่บ้านของยองจุน ยายของยองจุนน่ารักมาก ใจดีมากเลยทำซุปสาหร่ายให้เรากินด้วยตามธรรมเนียมของเกาหลี เพราะว่าใกล้จะวันเกิดเรา พ่อและแม่ของยองจุนก็น่ารักมากดูแลและเทคแคร์เราเป็นอย่างดี ได้ไปกินชาเขียวที่ทำจากใบไผ่ ไปเที่ยวสวนไผ่ Damyang ซึ่งมีชื่อเสียงมาก นอกจากนั้นได้เข้าไปดูสวนที่เค้าเลี้ยงกวาง ตัวใหญ่มากๆ เลย วันสุดท้ายกับยองจุนเราไปที่ Boseong Tea Garden ล่ะ ถ้าใครได้ดู summer scent จะจำได้แน่ ๆ ฤดูที่ไปยังไม่เข้าหน้าร้อนเต็มที่เพราะเราไปปลายหน้าหนาวก็กลัวว่าใบชาจะไม่มีให้เห็น แต่พอไปก็ถือว่าโชคดีเพราะว่าก็สวยดี เขียวดี ถึงจะเป็นเขียวเข้มก็เถอะ 555 จบจากวันนี้ก็ร่ำลายองจุนเตรียมตัวไปจุดหมายสุดท้าย เจจูโด (นั่งรถบัสไปมกโพ เพื่อไปต่อเรือไปเจจู)
ฟังแล้วน่ากลัวดีเนอะ เข้าไปข้างในก็มืดๆ เย็นๆ น่ากลัวดี แต่ก็สวยดีนะ วันต่อมา 18 Mar 08 เย ๆ อายุ 22ปีแล้วสินะเรา เฮ้อ เวลาไวจัง วันนี้เราเดินทางไปยังเกาะเล็กๆ ที่อยู่ใกล้กับเจจูนั่นก็คือ Udo island ไปถึงก็เช่ารถมอเตอร์ไซค์ ขับเที่ยวรอบเกาะ ดอกไม้ประจำเจจูโด canola สีเหลืองอร่ามบานสะพรั่งสวยมาก เราไปถึงเกาะตอนเช้าเลยขี่รถรอบเกาะได้อย่างปลอดภัยดีเรามีเวลาเที่ยวในเจจูโดทั้งหมดสี่วันเต็ม ๆ วันแรกนั้นเราไปถึงเจจูประมาณบ่ายโมงครึ่ง นั่งแทกซี่ไปโรงแรมเก็บของเรียบร้อยก็ไปเยือน Manjanggul Cave ซึ่งเป็นถ้ำ Lava Tube ที่ยาวที่สุด มีตำนานกล่าวกันว่ามีงูยักษ์อาศัยอยู่ ทำให้สมัยก่อนชาวเจจูโด ต้องสังเวยสาวบริสุทธิ์ทุก ๆปี ขี่รถชมทะเล ลมทะเลโบกโบย แวะเที่ยวตามจุดสวยๆ บนเกาะ ที่เกาะมี Light house หรือประภาคาร museum อยู่ ที่เกาะนี้ถ้าใครได้ดูดรามาเกาหลีหรือหนังเกาหลีจะพอจำฉากสวยของประภาคารได้ได้แก่ อิลมาเร่ และ สปริงเดย์ สนุกที่สุดเลยวันนี้เป็นวันเกิดที่มีความสุขมากค่ะ ที่เกาะนี้ก็มีตำนานอีกครับ แต่ว่าเหมือนว่าจะใกล้เคียงความจริง ที่นี่มีตำนานนางเงือก ซึ่งก็ได้ไปพบมาตัวเป็นๆ ก็เป็นผู้หญิงบนเกาะนี้นี่แหละที่เก็บอาหารทะเลใต้ทะเลเป็นอาชีพโดยการดำน้ำลงไปลึกเกินกว่าสิบเมตร ไร้ถังออกซิเจน อยู่ได้สองถึงสามนาทีใต้น้ำ ฟังดูไม่น่าเชื่อแต่เป็นเรื่องจริง และทั้งหมดนั้นเป็นผู้หญิงด้วย จบจากวันนี้ก็ไปกินอาหารอร่อยตามเคยแต่พิเศษหน่อยเพราะเป็นวันเกิด อิอิ.. อีกวันก็เป็นวันของภูเขา เราก็เดินเขา ที่สูงที่สุกในเกาหลี Hallasan ซึ่งอยู่ใจกลางเกาะ เราไปถึงประมาณ 10am ไม่สามารถขึ้นไปถึงยอดได้ทันเพราะประตูบนนั้นปิด 12.30 เส้นทางที่เลือกคือทางที่ยาวสุดได้แก่ Sogpanak 9.7 km. แต่เนื่องจากเราไปยอดสุดไม่ได้เส้นทางที่เค้าอนุญาติให้ไปได้มากสุดก็คือ 7 km ตอนแรกก็สนุกดีเพราะไม่หนาว แต่พอเดินสูงขึ้นไปก็เจอกับหิมะ ที่ยังไม่ละลาย การเดินเลยลื่นและยากลำบากมาก แต่เราก็ไม่ย่อท้อทำจนสำเร็จได้ เกือบร้องไห้ตาย ฮ่า ๆ สรุปเดินทั้งหมดร่วม 14 km ขึ้นเนิน เจ็ด ลงเนิน เจ็ด สุด ๆอ่ะ เหนื่อยยยย....TOT
ส่วนชองบังวิวสวยเพราะเป็นน้ำตกติดทะเลวันสุดท้ายแล้ว วันนี้จัดให้เป็นวันของน้ำตกละกัน วันนี้เลยไปเยือนสองน้าตกที่ขึ้นชือ่ว่าสวยของเจจู แต่อันนี้จะว่าไปเอราวันบ้านเราสวยกว่า อิอิ ก็ได้แก่ Cheonjeyon waterfall , Chongban waterfall แต่อย่างไรก็ตามก็สวยได้อยู่ สวยทีเดียวแหละ ชอนเจยอน กว้างดีมีสามน้าตกเชื่อมกัน วันนี้ออกเที่ยวแต่เช้าเวลาเลยเหลือเยอะเลยได้ไปเยือน Seoungup Folk village เป็นหมู่บ้านแบบสมัยก่อนของชาวบนเกาะ ก่อกำแพงด้วยหิน หลังคาเป็นฟางก็ดูน่ารัก สนุก ๆๆ จิง ๆที่เจจู จบแล้วสินะการเดินทางที่เกาหลี ไว้จะมาเยือนใหม่น้าา...บายๆ (นั่งเครื่องบินจากเจจูกลับโซล และต่อมาโตเกียว)
29/2/51
Farewell Party
27/2/51
Primary school visiting with Yoshirin (hilda,young jun,chris)
26 Feb 08 นั้นได้ไปเป็นอาสาสมัครที่โรงเรียนประถมซึ่งอยู่ไม่ไกลจากมหาลัยเท่าใดนัก สถานีที่ไปได้แก่ Kitasenzoku จากนั้นเราก็ได้เข้าไปพูดคุยกับเด็ก ๆ เล่นเกมอุลตราแมนกัน เล่นเกมนับเลข 1-7 สนุกดี มีเด็กคนนึงน่ารักมากเลยรู้สึกว่าจะถูกชะตาเป็นพิเศษ เด็กอะไรก็ไม่รุ้หล่อดี อิอิ...ก็มีการแบ่งกลุ่มกันและก็เราก็เล่าเรื่องราวของประเทศเราให้เด็ก ๆ ได้ฟังกัน โชว์ รูปภาพมากมายให้เด็ก ๆได้ดูกันอย่างสนุกสนาน^0^
25/2/51
Sendai , Yamagata 19-24 Feb 08
Matsushima
ในวันที่ดังกล่าวได้มีโอกาสไปเที่ยวที่เมืองเซนได (仙台)นับว่าเป็นเมืองใหญ่เอาการ และก็มีความเจริญอยู่มาก ร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ ไม่ต่างอะไรนักกับโตเกียวแต่ว่าจะมีขนาดพื้นที่กว้างกว่า ดูแล้วไม่อึดอัดดี วันแรกนั้นเราประเดิมเลยด้วยการไปเที่ยวที่ Sendai Daikannon, Dai=Big, Kannon=Kuanim สรุปแล้วก็คือเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่นั่นเอง ใหญ่แค่ไหนก็ลองคิดดูว่าสูงร้อยเมตร และทั้งองค์เป็นสีขาวหมดเลย ดูตระหง่านและสวยงาม เราสามารถเข้าไปข้างในกวนอิมได้ด้วย ค่าเข้าราคา 500 เยน ก็มีทั้งหมด 12ชั้นด้วยกัน ข้างในนั้นสามารถที่จะมองเห็นวิวเมืองเซนไดสวยงาม และข้างในประกอบด้วยเจ้าแม่กวนอิมปางต่างๆ รวมทั้งเทพเจ้าอื่น ๆ ด้วย ... วันต่อมาแพลนว่าจะไปเที่ยวสถานที่ที่สวยงามติดอันดับหนึ่งในสามสถานที่ที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น นั่นก็คือ
Matsushima (松島)ไปแล้วก็ถึงกับอึ้งเพราะว่าสวยงามสมคำล่ำลือจริง ๆ เป็นเกาะเล็ก ๆ กลางทะเลแปซิฟิค กระจายไปทั่ว มีสะพานสีแดงยาวตระหง่าน เชื่อมไปสู่เกาะอีกเกาะหนึ่ง สนุกและดีใจที่ได้มา ไม่กี่วันก่อนที่นี่คงจะมีหิมะตกเพราะยังคงเห็นหิมะบางส่วนที่ไม่ละลาย ทำให้ดูสมเป็นฤดูหนาว แต่พอมองออกไปยังทะเลด้วยแสงอาทิตย์ที่สาดส่องทำให้รู้สึกถึงฤดูร้อนได้เหมือนกันแฮะ พอตกกลางคืนเราก็อยากไปออนเซน(温泉) หรือว่า Hotspring ที่ที่ค่อนข้างโด่งดังก็คือ Akiuonsen (秋保温泉)แต่ไม่ง่ายอย่างที่คิดเพราะว่ากว่าที่จะไปถึงต้องสับสนกับรถบัสมากมายด้วยความที่ถามแต่ป้ายรถแต่ขึ้นแบบไม่ยอมอ่านป้ายสถานีปลายทาง นั่งตั้งนานแต่ว่าไปโผล่ที่ไหนก็ไม่รู้ ขำดี พอไปถึงแห้วกินครับเพราะว่าออนเซนปิดหมดแล้ว ทางโรงแรมที่เราไปถามจึงแนะนำให้เราไปโอฟุโระที่ยังไม่ปิด お風呂หรือว่าอ่างอาบน้ำนั่นล่ะ ก็เอาวะขำๆ อ่างก็ไม่ใหญ่มาก ตลกดีคิดซะว่าเป็นออนเซนขนาดย่อมละกัน สรุปวันนี้ทั้งงงและสนุกและผ่านไปได้ด้วยดี ....วันถัดมาอีกวัน วางแผนว่าเชคเอาท์จากโรงแรม นั่ง Loople bus ของเมืองชมรอบเมือง และออกเดินทางสู่ Yamadera (山寺)ก็เป็นเมืองหรือว่าหมู่บ้านขนาดกลางกลางหุบเขา เราเดินทางด้วยรถไฟ จากเซนไดใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง ระหว่างทางก็เพลิดเพลินกับการชมหิมะขาวโพลน นั่งรถไฟกลางหุบเขามองไปมีแต่ธรรมชาติ สวยงามและประทับใจมาก เมื่อไปถึงก็เดินไปยังวัดที่มีชื่อเสียงในยามาเดระ เป็นวัดที่อยู่บนหุบเขามีศาลาตรงปลายผามองเห็นวิวลงมาจากที่สูงชัน หิมะก็ตก และหนามาก แต่เราก็ไม่ย่อท้อ และในที่สุดเราก็เดิทางขึ้นไปสำเร็จ เป็นวันที่ดีและประทับใจมาก เสร็จจากที่นั่นเราก็เดินทางมุ่งสู่ Yamagata (山形)ใช้เวลาประมาณสิบกว่านาทีเท่านั้น และก็เช็คอินที่ Toyoko Inn เป็นโรงแรมเดียวกับที่เซนไดที่ได้พักมา พักล่ะครับวันนี้ ....อีกวันถัดมาวันนี้ก็ต้องขอพักซักหน่อยเลยไม่ได้ทำไรมาก เดินชมเมืองพักผ่อน เพราะเราเหนือ่ยจากการขึ้นเขาและเดินทาง อีกอย่างพุ่งนี้จะไปสกีจ้า ...... วันนี้เป็นวันสุดท้าย คืนนี้จะต้องกลับสู่โตเกียวแล้ว เราเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมและมุ่งหน้าสู่ Mt.Zao(蔵王)เพื่อจะไปเล่นสกีกัน ค่าเช่าสกีแพงอ่ะ แล้วสกีก็เล่นยากอยู่ แต่สนุกดี พอเย็นหน่อยหนาวปางตาย ทั้งลมทั้งหิมะ แต่ก่อนออกจาก Mt.Zao เราก็ได้เข้าออนเซนจริง ๆ เสียที ราคาก็ไม่แพงด้วยเพียงหกร้อยเยนเท่านั้น บ่อน้ำร้อนที่นี่มีสามบ่อ ในอาคารหนึ่ง และนอกอาคารสองบ่อ ข้างนอกอาคารร้อนจัดดี ใบหน้าสัมผัสหิมะที่หนาวเย็นแต่ร่างกายร้อน สบายมากเลย อาบเสร็จเรียบร้อยรู้สึกสบายตัวอย่างบอกไม่ถูก เสร็จเรียบร้อยก็เดินทางกลับยามากะตะ นั่งกินข้าวรอรถไฟเที่ยวสุดท้ายเพราะบัสกลับโตเกียวจอดที่เซนไดห้าทุ่มครึ่งก็กินข้าวไปคุยกันไปสนุกมากเลยทริปนี้ ...มีความสุขค่ะ ^0^
19/2/51
Beluga's observation at Nagoya Port Aquarium
Party at Satosensei's house
29/1/51
Sumo
นอกจากนี้เราก้อได้เข้าพิพิธพันธุ์เอโดะโตเกียวด้วยล่ะ ก้อสนุกครับงานนี้เรากับอาร์กุส จะถ่ายรูปทุกที่เลย เรซาก้อไปด้วยกัน
14/1/51
O-mochi
Tan , I , Snakeking , Neil , Hilda , Lita
ก้อนั่งในที่ที่น่าจะเป็นเตาสมัยก่อนของชาวญี่ปุ่น
ในป่าต้นไผ่ มีไผ่อยู่มากมาย..ก้อเข้าไปกับวิกเตอร์ และไซโค
หนูน้อยนี่ลูกใครไม่รู้ แต่น่ารักมากเลย แก้มงี้ยุ้ยเชียว ขออุ้มหน่อยนะ
ภาพรวมสุดประทับใจ
ก้อวันนี้ไปทำโมจิกันกับสมาชิกในฮิปโปแฟมิลี่คลับ ก้อไปกันหลายคนมากทีเดียว ได้รับความสนุกสนาน และก้อได้รู้จักทักทาย พูดคุยกับคนญี่ปุ่นหลายครอบครัว การทำโมจิก้อไม่ง่ายอย่างที่คิด ตอนแรกคิดว่าก็ตำ ๆ ข้าวไป แต่พอลองทำเข้าจิงๆ ถึงรู้ว่าไม้ที่ใช้ก็หนักไม่ใช่เล่นเลย แถมตอนที่ลองเป็นคนคอยพลิกโมจินะยิ่งยากเข้าไปใหญ่ ข้าง ๆ สถานที่ที่ไปเป็นป่าต้นไผ่ล่ะ ก็สวยงามดี พอทำโมจิกันเสร็จก็ปั้น โมจิกันเป็นก้อนกลม ๆ แล้วก็ดิพ ด้วยหลาย ๆ หน้า มีมันฝรั่งทอดกรอบ โชยุสาหร่าย ไชเท้า นัตโตะ ถั่วแดง พีนัท และงาดำ ก้อลองจนครบหมดทุกอันเลย อร่อยค่ะ .. จากนั้นขากลับก้อมีร้องเพลง แนะนำตัว เราร้องเพลงช้าง ๆๆ น้องเคยเห็นช้างรึเปล่า ฮ่ะ ๆ ตลกดี แล้วพอตอนแยกย้ายกันกลับ เราก้อได้โมจิกลับกันคนละถุง ..รวม ๆ แล้ววันนี้หนุก แต่คงเบื่อโมจิไปอีกสักพักใหญ่ๆ อิอิ...