21/3/51

12 days in South Korea

พระราชวังเคียงบกกุง, เดินเล่น
ตลาดเมียงดง, หมู่บ้านนัมซาลฮันกก

วันที่ 9-21 March 08ที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปเที่ยวประเทศที่ใฝ่ฝันมานานเสียที นั่นก็คือ เกาหลีใต้ ดินแดนแห่งดรามาซาบซึ้งกินใจ ในทริปนี้เริ่มต้นด้วยการเที่ยวในกรุงโซลก่อนเลยในโซลผู้คนมากมายพูดว่า
คล้ายคลึงกับโตเกียวในญี่ปุ่น แต่พอไปเห็นมาจริงๆ คิดว่าไม่คล้ายกันสักเท่าไหร่ ญี่ปุ่นสะอาดมาก และดูสงบปลอดภัย แต่เกาหลีจะว่าไปคล้ายบ้านเรามากกว่า ถนนหนทาง ขยะมากมาย เลนของถนนก็กว้างข้ามถนนก็ยาก แต่ที่ดีกว่าญี่ปุ่นอยู่อย่างคือ ผู้คนไม่สุภาพมากนัก ดูรีแลกส์และเป็นธรรมชาติดี วันแรกไปถึงโซล ณ สนามบินอินชอนก็ค่ำแล้ว เลยตรงดิ่งไปเกสต์เฮาส์ที่จองไว้ วันถัดมา ก็แพลนว่าวันนี้เป็นวันสบาย ๆ เที่ยวไม่เครียด แต่จะเน้นไปที่พระราชวังก่อน ที่ไปมาคือเคียงบกกุง ใหญ่ดี แต่ทุกวังหน้าตาคล้ายกันหมดเลยเลยไม่ได้ไปมากนักก่อนกลับก็ไปเที่ยวถนนอินซาดง เพราะอยู่ไม่ไกล จากที่พัก
วันถัดมาเป็นการไปเที่ยวตลาด ช็อปปิ้งเพราะว่าเสื้อผ้าไม่แพงนักถ้าเทียบกับญี่ปุ่น ก็ไปมาสองแห่งคือดงแดมุน กับ เมียงดง ที่จริงวันนี้จะไปเที่ยวหอคอยโซลด้วย แต่ว่าแผนการต้องล้มเลิกไป เพราะว่าทรายแม่น้ำจากเมืองจืนพัดมาที่เกาหลีหนักเอาการที่โซลทำให้หลายวันนี้อากาศไม่แจ่มใสอย่างที่คิดไว้ ตอนกลางคืนก็ยังได้ไปเดินที่คลองชองเกชอน ซึ่งประดับไฟยามค่ำคืนสวยงาม ต่อมาก็เป็นวันที่เราไปเที่ยวแม่น้ำฮัน เป็นแม่น้าสายใหญ่ที่เกาหลี พอไปถึงก็เช่าจักรยานเที่ยวชมรอบแม่น้ำ อากาศวันนี้ดีไม่หนาว เลยขี่จักรายานสนุกไปเลย ต่อจากนั้นก็เดินไปที่ตึก KLI 63 เช่าจักรยานขี่เล่นริมแม่น้าฮัน

เป็นตึกสีทองอร่ามที่สูงที่สุดในเกาหลี อย่างว่าแหละ เพราะว่า yellow sand จากเมืองจีน ทำให้มองเห็นวิวได้ไม่ไกลอย่างที่ควรจะเป็น เซ็งนิดหน่อย แต่ก็รอจนค่ำ พอค่ำลงแสงไฟในกรุงโซลก็เปิดทั่วงานนี้ใจชื้นขึ้นมาหน่อยเพราะอย่างน้อยวิวยามค่ำคืนก็สวยดี กลับจากวันนั้นก็ครบแล้วการเที่ยวในโซลวันรุ่งขึ้นเลยเดินทางออกนอกเมือง
เมืองถัดไปที่ไปเยือนคือ ชองอึบ เมืองนี้ไม่มีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่ แต่ที่ไปเพราะว่าจะไปเยือน Namjangsan National park ซึ่งอยู่ใกล้กันกับเมืองนี้เราใช้เวลาในเมืองนี้เพียงหนึ่งคืนเท่านั้น และมุ่งหน้าต่อเพื่อไปเยี่ยมเยียนเพื่อนเกาหลี นั่นก็คือยองจุนที่เพิ่งกลับบ้านไป เมืองที่ยองจุนอยู่คือ กวางจู เราเที่ยวกับยองจุนอยู่สามวัน
ก็ได้พักที่บ้านของยองจุน ยายของยองจุนน่ารักมาก ใจดีมากเลยทำซุปสาหร่ายให้เรากินด้วยตามธรรมเนียมของเกาหลี เพราะว่าใกล้จะวันเกิดเรา พ่อและแม่ของยองจุนก็น่ารักมากดูแลและเทคแคร์เราเป็นอย่างดี ได้ไปกินชาเขียวที่ทำจากใบไผ่ ไปเที่ยวสวนไผ่ Damyang ซึ่งมีชื่อเสียงมาก นอกจากนั้นได้เข้าไปดูสวนที่เค้าเลี้ยงกวาง ตัวใหญ่มากๆ เลย วันสุดท้ายกับยองจุนเราไปที่ Boseong Tea Garden ล่ะ ถ้าใครได้ดู summer scent จะจำได้แน่ ๆ ฤดูที่ไปยังไม่เข้าหน้าร้อนเต็มที่เพราะเราไปปลายหน้าหนาวก็กลัวว่าใบชาจะไม่มีให้เห็น แต่พอไปก็ถือว่าโชคดีเพราะว่าก็สวยดี เขียวดี ถึงจะเป็นเขียวเข้มก็เถอะ 555 จบจากวันนี้ก็ร่ำลายองจุนเตรียมตัวไปจุดหมายสุดท้าย เจจูโด (นั่งรถบัสไปมกโพ เพื่อไปต่อเรือไปเจจู)

ฟังแล้วน่ากลัวดีเนอะ เข้าไปข้างในก็มืดๆ เย็นๆ น่ากลัวดี แต่ก็สวยดีนะ วันต่อมา 18 Mar 08 เย ๆ อายุ 22ปีแล้วสินะเรา เฮ้อ เวลาไวจัง วันนี้เราเดินทางไปยังเกาะเล็กๆ ที่อยู่ใกล้กับเจจูนั่นก็คือ Udo island ไปถึงก็เช่ารถมอเตอร์ไซค์ ขับเที่ยวรอบเกาะ ดอกไม้ประจำเจจูโด canola สีเหลืองอร่ามบานสะพรั่งสวยมาก เราไปถึงเกาะตอนเช้าเลยขี่รถรอบเกาะได้อย่างปลอดภัยดีเรามีเวลาเที่ยวในเจจูโดทั้งหมดสี่วันเต็ม ๆ วันแรกนั้นเราไปถึงเจจูประมาณบ่ายโมงครึ่ง นั่งแทกซี่ไปโรงแรมเก็บของเรียบร้อยก็ไปเยือน Manjanggul Cave ซึ่งเป็นถ้ำ Lava Tube ที่ยาวที่สุด มีตำนานกล่าวกันว่ามีงูยักษ์อาศัยอยู่ ทำให้สมัยก่อนชาวเจจูโด ต้องสังเวยสาวบริสุทธิ์ทุก ๆปี ขี่รถชมทะเล ลมทะเลโบกโบย แวะเที่ยวตามจุดสวยๆ บนเกาะ ที่เกาะมี Light house หรือประภาคาร museum อยู่ ที่เกาะนี้ถ้าใครได้ดูดรามาเกาหลีหรือหนังเกาหลีจะพอจำฉากสวยของประภาคารได้ได้แก่ อิลมาเร่ และ สปริงเดย์ สนุกที่สุดเลยวันนี้เป็นวันเกิดที่มีความสุขมากค่ะ ที่เกาะนี้ก็มีตำนานอีกครับ แต่ว่าเหมือนว่าจะใกล้เคียงความจริง ที่นี่มีตำนานนางเงือก ซึ่งก็ได้ไปพบมาตัวเป็นๆ ก็เป็นผู้หญิงบนเกาะนี้นี่แหละที่เก็บอาหารทะเลใต้ทะเลเป็นอาชีพโดยการดำน้ำลงไปลึกเกินกว่าสิบเมตร ไร้ถังออกซิเจน อยู่ได้สองถึงสามนาทีใต้น้ำ ฟังดูไม่น่าเชื่อแต่เป็นเรื่องจริง และทั้งหมดนั้นเป็นผู้หญิงด้วย จบจากวันนี้ก็ไปกินอาหารอร่อยตามเคยแต่พิเศษหน่อยเพราะเป็นวันเกิด อิอิ.. อีกวันก็เป็นวันของภูเขา เราก็เดินเขา ที่สูงที่สุกในเกาหลี Hallasan ซึ่งอยู่ใจกลางเกาะ เราไปถึงประมาณ 10am ไม่สามารถขึ้นไปถึงยอดได้ทันเพราะประตูบนนั้นปิด 12.30 เส้นทางที่เลือกคือทางที่ยาวสุดได้แก่ Sogpanak 9.7 km. แต่เนื่องจากเราไปยอดสุดไม่ได้เส้นทางที่เค้าอนุญาติให้ไปได้มากสุดก็คือ 7 km ตอนแรกก็สนุกดีเพราะไม่หนาว แต่พอเดินสูงขึ้นไปก็เจอกับหิมะ ที่ยังไม่ละลาย การเดินเลยลื่นและยากลำบากมาก แต่เราก็ไม่ย่อท้อทำจนสำเร็จได้ เกือบร้องไห้ตาย ฮ่า ๆ สรุปเดินทั้งหมดร่วม 14 km ขึ้นเนิน เจ็ด ลงเนิน เจ็ด สุด ๆอ่ะ เหนื่อยยยย....TOT
ส่วนชองบังวิวสวยเพราะเป็นน้ำตกติดทะเลวันสุดท้ายแล้ว วันนี้จัดให้เป็นวันของน้ำตกละกัน วันนี้เลยไปเยือนสองน้าตกที่ขึ้นชือ่ว่าสวยของเจจู แต่อันนี้จะว่าไปเอราวันบ้านเราสวยกว่า อิอิ ก็ได้แก่ Cheonjeyon waterfall , Chongban waterfall แต่อย่างไรก็ตามก็สวยได้อยู่ สวยทีเดียวแหละ ชอนเจยอน กว้างดีมีสามน้าตกเชื่อมกัน วันนี้ออกเที่ยวแต่เช้าเวลาเลยเหลือเยอะเลยได้ไปเยือน Seoungup Folk village เป็นหมู่บ้านแบบสมัยก่อนของชาวบนเกาะ ก่อกำแพงด้วยหิน หลังคาเป็นฟางก็ดูน่ารัก สนุก ๆๆ จิง ๆที่เจจู จบแล้วสินะการเดินทางที่เกาหลี ไว้จะมาเยือนใหม่น้าา...บายๆ (นั่งเครื่องบินจากเจจูกลับโซล และต่อมาโตเกียว)

Udo island